เคยคิดเล่นๆ กันมั้ยว่า ทำไมเกิดเป็นผู้หญิงต้องบำรุงนั่นนี่อะไรตั้งมากมาย ไม่ว่าจะเป็นกันแดด มอยซ์เจอร์ไรเซอร์ น้ำตบ เอสเซนส์ ไหนจะ เซรั่ม อีก ซึ่งวันนี้ เราจึงนำคำตอบมาฝากกันว่า ทำไมเซรั่มถึงสำคัญต่อใบหน้าสาวๆ เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วัยผู้ใหญ่ ถึงขั้นที่ว่า ทุกคืนยังไงก็ต้องทาเซรั่ม ลืมทาไม่ได้เด็ดขาด! Serum เซรั่ม วัย 40
- เซรั่ม (Serum) คืออะไร?
- ข้อดีของเซรั่ม
- ประเภทของเซรั่มในปัจจุบัน
- เทคนิคการใช้เซรั่มให้ใด้ประสิทธิภาพสูงสุด
- ความแตกต่างระหว่างเซรั่มและมอยส์เจอไรเซอร์
เซรั่ม (Serum) คืออะไร?
เซรั่ม หรือที่สาวๆ หลายคนติดใจจนขาดไม่ได้นั่นก็คือ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหนังที่มีโมเลกุลขนาดเล็กมาก serum เซรั่ม วัย 40 ลักษณะของเนื้อเซรั่มจะมีความเบาบางกว่าเนื้อสัมผัสของผลิตภัณฑ์ประเภทครีม โดยเนื้อของเซรั่มจะสามารถมีความเหลวไปจนถึงกึ่งเหลว ส่วนในเรื่องของสีเนื้อเซรั่มอาจจะมีความใส ความขุ่น หรือมีสี ทั้งนี้ก็จะขึ้นอยู่กับส่วนผสม สารสกัด และการออกเเเบบสูตรของเซรั่มแต่ละชนิดที่แตกต่างกันออกไป
ซึ่งสิ่งที่ทำให้เซรั่มมีจุดเด่นดึงดูดใจกว่าสกินแคร์ตัวอื่นๆ ก็คือ เซรั่มจะมีความเข้นข้นของสารออกฤทธิ์สำคัญ (Active Ingredients) ที่สูงกว่าผลิตภัณฑ์บำรุงผิวประเภทอื่นๆ จึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในการฟื้นบำรุงผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง สามารถใช้ได้ในปริมาณน้อย เพียงไม่กี่หยด แต่ยังคงให้ผลลัพธ์ที่ดี และเนื่องจากเซรั่มมีโมเลกุลขนาดเล็ก จึงสามารถซึมซามเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็วและล้ำลึกถึงระดับโครงสร้างผิว ด้วยเหตุนี้เซรั่มจึงมอบประโยชน์ของสารสกัดและส่วนผสมในการบำรุงต่างๆ ให้แก่ผิวได้เป็นอย่างดีนั่นเอง
ข้อดีของเซรั่มที่ทำไมสาวๆ ถึงต้องใช้ทุกวัน!
1. เพราะเซรั่มมีความเข้มข้นสูงมาก
ในบรรดาสกินแคร์ทั้งหมดทั้งมวล เซรั่ม นี่ต้องยกให้เลยว่าเป็นที่หนึ่งในเรื่องของความเข้มข้นในสารสกัด แถมมีประสิทธิภาพสูงมากในการบำรุงผิว เซรั่มจึงช่วยลดปัญหาริ้วรอย เหี่ยวย่น และจุดด่างดำ หรือปัญหาผิวเฉพาะจุดต่างๆ ให้กลับมาเนียนใสได้เหมือนเดิมนั่นเอง
2. ช่วยบำรุงจากภายในสู่ภายนอก
เพราะเซรั่มจะซึมซาบได้ล้ำลึกกว่าครีมธรรมดาทั่วไป เมื่อผิวชั้นในสุขภาพดี ผิวชั้นนอกก็จะเปล่งประกายตามไปด้วยนั่นเองละ
3. ลดโอกาสการเกิดสิว
เนื่องจากเนื้อ serum / เซรั่ม ส่วนใหญ่จะมีความอ่อนโยนต่อผิวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทำให้ไม่ทิ้งคราบและไม่อุดตันรูขุมขนด้วย จึงไม่ทำให้เกิดสิวใดๆ ตามมานั่นเอง
4. ใช้แล้วผิวหน้าไม่มัน
เพราะด้วยเท็กซ์เจอร์ที่มีลักษณะเป็นเนื้อครีมที่บางเบา ไม่ใช่แค่ไม่ทำให้เกิดสิวเท่านั้น แต่ทาแล้วไม่ทำให้หน้ามันด้วยนะ เพราะว่าเซรั่มจะซึมเข้าสู่ผิวอย่างรวดเร็ว ไม่ทิ้งความเหนอะหนะให้กับผิว เช่นเซรั่มของแบรนด์ SÎNAKEL ที่มีส่วนผสมสำคัญช่วยกระตุ้นสร้างความชุ่มชื้นให้ผิว และลดริ้วรอยได้เป็นอย่างดี ผิวที่ไม่ขาดน้ำและมีความชุ่มชื้นมากพอ ก็ไม่ทำให้ผิวมันเกินไป และไม่ทำให้เกิดริ้วรอยและสิวตามมา
อ่านเพิ่มเติม SiNAKEL BOOSTER SERUM
ประเภทของเซรั่มในปัจจุบัน
– เซรั่ม ช่วยกระชับรูขุมขน (Pore Tightening Serum)
– เซรั่ม ช่วยป้องกันสิวและลดรอยดำจากสิว (Anti-Acne Serum)
– เซรั่ม ช่วยลดริ้วรอย (Anti-Aging Serum)
– เซรั่ม ช่วยให้ผิวกระจ่างใส ลบเลือนจุดด่างดำ (Skin-Brightening Serum)
– เซรั่ม ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นรักษาผิวแห้งจากภายใน (Hydrating Serum)
– เซรั่ม ช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟูผิวแบบองค์รวม (Renewing Serum)
– เซรั่ม ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว (Exfoliating Serum)
เทคนิคการใช้เซรั่มให้ใด้ประสิทธิภาพสูงสุด
– ใช้แค่นิดเดียว เพระว่ามีความเข้มข้นสูงมากอยู่แล้ว การใช้มากไม่ได้ทำให้ประสิทธิภาพของ เซรั่ม บำรุงผิวหน้าดีขึ้น อีกอย่างยังทำให้หน้าเป็นคราบหรือผสมกันจนเป็นก้อนๆ ด้วย
– ทาตอนที่ผิวยังหมาดหรือเปียกๆ น้ำอยู่ เพราะผิวในช่วงนี้มีความชุ่มชื้นพอเหมาะและรูขุมขนกำลังเปิดอยู่ ที่สามารถรับสารบำรุงผิวได้ดีกว่าตอนที่ผิวหน้าแห้งสนิท
– ใช้วันละ 1-2 ครั้ง เพราะ เซรั่ม ถือว่าเป็นสกินแคร์ที่สำคัญมากๆ ถึงบอกว่าต้องใช้ให้ได้ทุกวันและห้ามลืมใช้กันเป็นอันขาดนะสาวๆ
– หลังจากทาเซรั่มเสร็จแล้ว รอให้เซรั่มซึมเข้าสู่ผิวจนหมดก่อน หรือนวดหน้าเบาๆระหว่างรอ 3-5 นาที แล้วค่อยบำรุงในขั้นตอนต่อไป
จำเป็นต้องทาเซรั่มทุกวันมั้ย?
สาวๆ ควรใช้เซรั่มเป็นประจำทุกวัน วันละสองครั้ง เช้า-เย็น เพื่อผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมก่อนทามอยส์เจอไรเซอร์ แล้วจะสัมผัสได้ถึงความแตกต่างหลังใช้เพียงสองถึงสามสัปดาห์กันได้เลยล่ะ
ความแตกต่างระหว่างเซรั่มและมอยส์เจอไรเซอร์
สาวๆ บางคนอาจจะงงว่าแล้วระหว่าง serum / เซรั่มกับมอยส์เจอไรเซอร์นั้นมันแตกต่างกันยังไง ไม่เหมือนกันเหรอ ซึ่งจริงๆ แล้วมอยส์เจอไรเซอร์ทำหน้าที่เคลือบปกป้องผิวให้ความชุ่มชื้นยังคงอยู่ในผิว ผิวไม่แห้งตามมลภาวะหรือจากรังสี UVA และ UVB ที่ทำลายผิวและเป็นสาเหตุให้ผิวแก่ก่อนวัยได้ แต่สารบำรุงอื่นๆในเนื้อครีมจะซึมลงผิวได้น้อยเนื่องจากเนื้อครีมมีโมเลกุลขนาดใหญ่ ในขณะที่เซรั่มมีเนื้อเบาบางกว่า สารสกัดโมเลกุลขนาดเล็ก จึงสามารถซึมเข้าสู่ผิวให้สารบำรุงออกฤทธิ์ได้อย่างรวดเร็ว ผลิตภัณฑ์ทั้งสองประเภททำงานร่วมกันเพื่อประสิทธิภาพในการบำรุงผิวที่ล้ำลึก ดังนั้น ลงเซรั่มก่อนแล้วจึงตามด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ เพื่อช่วยให้สารบำรุงปรนนิบัติผิวของคุณได้ดียิ่งขึ้น
สรุป
และเพียงเท่านี้ หากสาวๆ สามารถทำได้ทุกวันก็จะกลายเป็นสาววัยเลข 4 ที่มีผิวหน้าอ่อนเยาว์โกงอายุกันได้แบบง่ายๆ ซื้อ Booster Serum ดีๆ มาไว้ประจำโต้ะเพื่อช่วยแก้ปัญหาผิวหน้าของสาววัยกลางคนได้ครบจบ ตั้งแต่เรื่องริ้วรอยยันซ่อมแซมผิว